Chiron AS in Trondheim, Norway, Has Developed The World’s First Commercial Microplastic Reference Materials

TRONDHEIM, NORWAY / ACCESSWIRE / April 9, 2024 / Chiron AS, now part of ZeptoMetrix®, has developed the world's very first commercially available microplastic reference materials. This revolutionary new product range, called MicroPRefs®, was developed in close collaboration with the Norwegian Institute for Water Research (NIVA) and was made possible by grants from the EU project EUROqCHARM and Innovation Norway.

Chiron by ZeptoMetrix
Chiron by ZeptoMetrix



Microplastic particles are found in large quantities in water, soil, and in the air. Plastic pollution of various kinds breaks down in nature into tiny particles. These range in size from macro- to nano-sized particles. Microplastics are also carriers of various environmental toxins such as PFAS (per- and poly-fluoroalkyl substances) and brominated flame retardants, and cause significant environmental and health risks to communities around the world.

"In order to measure the quantity and type of microplastic substances present, there is a need for a yardstick or a 'reference material,' which is a material developed in the laboratory that can be used for comparison. ZeptoMetrix's Chiron AS business has now developed the very first commercially available microplastic reference materials for the six most abundant plastics in nature. New variants will follow successively throughout this year," stated Huiling Liu, Ph.D., Senior Director, R&D Analytical Reference Materials.

MicroPRefs® microplastic reference materials feature a novel tablet format containing a defined number of particles. The particles produced are of known plastic type and were designed to provide sizes and shapes that mimic microplastics found in nature. The tablets are dissolved in water and then analyzed using various methods and in parallel with real samples from nature.

The first single polymer tablets produced contain microplastic particles ranging in size between 50 and 300 micron. Multi-polymer tablets contain a mixture of three different plastic types. Further variants containing different size, quantity and combinations of plastics are planned to support researchers in their endeavors.

"The need to monitor microplastics in our surroundings is paramount to protecting the ongoing health of our communities. ZeptoMetrix is committed to fostering innovations that will help solve real-world issues as laboratories around the world can now deliver microplastics test results with greater confidence," stated Evangeline Gonzalez, President of ZeptoMetrix. "In addition, our scientists are partnering with industry organizations and leading laboratories to incorporate microplastics into our innovative proficiency testing programs."

About ZeptoMetrix
Chiron AS is part of ZeptoMetrix®, an Antylia Scientific company. ZeptoMetrix is the industry leader and manufacturer for innovative solutions solving challenges in the evolving Diagnostic Microbiology, Infectious Disease, and Oncology markets, as well as Analytical Reference Materials for the Applied Markets. We focus on our customers' success by providing premium product quality, reliability, and expert technical knowledge, enabling our customers to develop and advance many applications across diagnostics, pharmaceutical, environmental, food and beverage industries. From in-stock solutions to custom control and panel development, our scientific teams provide our customers with comprehensive, performance-oriented, and cost-effective products and services that positively impact the field of clinical diagnostics, analytical testing and contribute to a healthier world. ZeptoMetrix is a division of Antylia Scientific, an operating company of premier life science and diagnostic brands, including Cole-Parmer, Environmental Express and ZeptoMetrix.

Contact Information
Nancie Geddings
Global Business Development Leader
nancie.geddings@antylia.com
1-843-277-5230

Related Files

Chiron AS Develops the World's First Commercial Microplastic Reference Materials

SOURCE: ZeptoMetrix

.

View the original press release on newswire.com.

Curium วางแผนที่จะขยายกำลังการผลิตลูทีเชียม-177 และพื้นที่ครอบคลุมในการให้บริการ Pet อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยข้อตกลงที่จะเข้าซื้อกิจการ Eczacibaşi-Monrol

การเข้าซื้อกิจการ Eczacıbaşı-Monrol ที่เสนอจะ:

  • ต่อยอดความร่วมมือที่มีอยู่ใน Lu-177 เพื่อสร้างผู้ผลิตไอโซโทปชั้นนำ
  • เพิ่มสถานที่ปฏิบัติงาน PET 12 แห่งไปยังเครือข่ายที่มีอยู่ของ Curium ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่ Curium ยังไม่มีให้บริการในปัจจุบัน
  • เพิ่มความสามารถในการผลิต SPECT และโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่กว้างขวางให้กับ Curium
  • มอบประโยชน์ให้แก่ผู้ป่วยด้วยความน่าเชื่อถือที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับโซลูชันการวินิจฉัยและการรักษา

ปารีส, April 09, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — Curium ผู้นำระดับโลกในด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ได้ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ทำข้อตกลงกับ Eczacıbaşı Holding และ Bozlu Group เพื่อซื้อกิจการ Eczacıbaşı-Monrol Nuclear Product Co. (Monrol) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์โดยเฉพาะ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้คาดว่าจะนำมาซึ่งการเสริมพื้นที่ครอบคลุมทางภูมิศาสตร์ ศักยภาพของลูทีเชียม-177 (Lu-177) และโครงสร้างพื้นฐานด้านการแพทย์นิวเคลียร์ของ PET & SPECT ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการพัฒนาไปป์ไลน์นิวไคลด์กัมมันตรังสีและสารเภสัชรังสีที่ล้ำสมัย เพื่อวัตถุประสงค์ในการวินิจฉัยและรักษาโรค

ที่สำคัญ การเข้าซื้อกิจการจะเพิ่มกำลังการผลิต Lu-177 อย่างมีนัยสำคัญให้กับ Curium เพื่อตอบสนองความต้องการใน Lu-177 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยอาการวิกฤตมากกว่า 100,000 รายทั่วโลกในช่วงห้าปีข้างหน้า บริษัทจะขยายพื้นที่ครอบคลุมในการให้บริการ PET ของ Curium ในสถานที่ปฏิบัติงาน 34 แห่งในยุโรปตะวันตกและเอเชีย พร้อมด้วยสถานที่ปฏิบัติงานที่บริษัทเป็นเจ้าของและเป็นหุ้นส่วนอีก 12 แห่งในยุโรปตะวันออกและภูมิภาค MENA นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานการผลิตและโลจิสติกส์ของ Eczacıbaşı-Monrol ในอิสตันบูล ประเทศตุรกี จะเพิ่มขนาดความสามารถในการผลิตและการจัดจำหน่ายจากการควบรวมกิจการในแนวดิ่งของ Curium อย่างมีนัยสำคัญด้วย

คุณ Chaitanya Tatineni ประธานเจ้าหน้าที่บริหารตลาดต่างประเทศของ Curium ให้ความเห็นว่า: “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการ Eczacıbaşı-Monrol ซึ่งต่อยอดมาจากความร่วมมือที่แข็งแกร่งที่มีอยู่ของเรา และความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ป่วยทั่วโลก เครือข่าย PET เสริมของ Eczacıbaşı-Monrol กำลังการผลิต Lu-177 โครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตและโลจิสติกส์ที่กว้างขวาง และตำแหน่งศูนย์กลางการจัดจำหน่ายทั่วโลกช่วยมอบผลประโยชน์ที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการโซลูชันการวินิจฉัยและการรักษาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเมื่อการทำธุรกรรมเสร็จสิ้น”

คุณ Aydin Kucuk ผู้จัดการทั่วไปของ Eczacıbaşı-Monrol กล่าวเสริมว่า: “จากความร่วมมือสองปีที่มีอยู่ของเราใน Lu-177 การประกาศในวันนี้ถือเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ตามปกติซึ่งมาจากความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทของเรา เรารู้สึกตื่นเต้นกับผลประโยชน์ของการรวมบริษัทของเรากับ Curium ที่มีพื้นที่ครอบคลุมการดำเนินงานทั่วโลก อีกทั้งมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมด้านการบำบัดรักษาสำหรับผู้ป่วยนับล้านที่เราให้บริการ”

คุณ Emin Fadıllıoğlu ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Eczacıbaşı Healthcare Group กล่าวเสริมว่า: “ผมภูมิใจอย่างยิ่งกับความสำเร็จของทีมงานของ Eczacıbaşı-Monrol ในการพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ การขยายเครือข่าย PET การพัฒนาขีดความสามารถของ SPECT และการให้บริการผู้ป่วย ความร่วมมือระหว่าง Curium และ Eczacıbaşı-Monrol จะเสริมสร้างความทะเยอทะยานในอนาคตของทั้งสององค์กรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

ธุรกรรมนี้จะเสร็จสมบูรณ์โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม ซึ่งรวมถึงการอนุมัติตามกฎระเบียบ Eczacıbaşı Holding และ Curium มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการดำเนินกระบวนการนี้อย่างมีประสิทธิภาพ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นการทำธุรกรรมในเวลาอันสมควร ทั้งสองฝ่ายคาดหวังว่าจะสามารถปิดธุรกรรมนี้ได้เมื่อได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบตามธรรมเนียมแล้ว

เกี่ยวกับ Curium

Curium เป็นผู้นำระดับโลกด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ เราพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารเภสัชรังสีระดับโลกเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วโลก มรดกที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของเราที่ผสมผสานกับแนวทางการบุกเบิกนั้นถือเป็นจุดเด่นในการนำเสนอนวัตกรรม ความเป็นเลิศ และบริการที่ไม่มีใครเทียบได้Curium นำเสนอโซลูชัน SPECT, PET และสารเภสัชรังสีเพื่อรักษาโรคสำหรับโรคที่คุกคามถึงชีวิตแก่ผู้ป่วยมากกว่า 14 ล้านคนต่อปี โดยมีโรงงานผลิตทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา ชื่อ ‘Curium’ ถือเป็นการยกย่องต่อสิ่งที่สืบทอดมาจากนักวิจัยด้านวัสดุกัมมันตภาพรังสีรุ่นบุกเบิกที่ชื่อว่า Marie และ Pierre Curie ซึ่งต่อมาได้ตั้งชื่อคูเรียมธาตุกัมมันตภาพรังสีและได้เน้นย้ำถึงการมุ่งเน้นไปที่เวชศาสตร์นิวเคลียร์ของเรา หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.curiumpharma.com

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:Ben Valdimarsson

Reputation Inc

โทรศัพท์: +44 (0)788 9805930

อีเมล: bavldimarsson@reputation-inc.com

Ross Bethell

รองประธาน หัวหน้าฝ่ายการสื่อสารระดับโลก

อีเมล: communications@curiumpharma.com

เกี่ยวกับ Eczacıbaşı-Monrol

Monrol เป็นบริษัทเวชศาสตร์นิวเคลียร์ชั้นนำด้านนวัตกรรมสำหรับการพัฒนาและการผลิตไอโซโทปรังสีและสารเภสัชรังสีเกรด GMP ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในอิสตันบูล โดย Monrol จัดจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์สารเภสัชรังสีระดับโลกในตลาดโลก ในฐานะที่ Monrol เป็นทั้งองค์กรการผลิตตามสัญญา (CMO) และองค์กรการพัฒนาและการผลิตตามสัญญา (CDMO) นั้น จึงให้การสนับสนุนการพัฒนาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกแก่ลูกค้า และนำเสนอบริการแบบครบวงจรสำหรับบริษัทเสมือนจริงที่มีความคล่องแคล่วและคล่องตัวที่นำแนวคิดของผลิตภัณฑ์ใหม่ไปสู่การทดลองทางคลินิก สาธิตการทดสอบความเป็นไปได้ และเข้าสู่ช่วงการศึกษาทดลองในมนุษย์เป็นครั้งแรก Monrol มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการเดินทางของผู้ป่วยในการรักษาโรคมะเร็งผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์เภสัชรังสีที่จำหน่ายไปยังกว่า 70 ประเทศทั่วโลก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.monrol.com

GlobeNewswire Distribution ID 9086706

Exosens Adds Innovative Photon Counting System, LINCam, to Its Portfolio of Single Photon Sensitive Detectors

RODEN, NETHERLANDS / ACCESSWIRE / April 9, 2024 / Exosens is pleased to announce a partnership with Photonscore, a provider of instrumentation for time-correlated single photon imaging. Through this partnership, Exosens will distribute LINCam, an innovative camera system with picosecond time resolution through their Photonis-branded scientific imaging product portfolio.

Exosens & Photonscore Partnership
Exosens & Photonscore Partnership

"We are delighted to partner with Photonscore and add LINCam to our scientific imaging solutions to our potential customers. LINCam is a breakthrough technology that enables fast and accurate time-resolved imaging for a variety of applications, such as biomedical research, material science, and quantum optics. LINCam complements our existing product line and combined will provide a unique value proposition." - Ulrich Laupper, President and Executive General Manager of the Exosens Ultimate Detection Business Unit.

LINCam is an easy-to-use, event-based camera that counts photons at high rate with the picosecond time resolution combined with accurate position information. Paired with a pulsed light source, LINCam can turn any conventional microscope into a powerful lifetime imager.

The partnership between Exosens and Photonscore is supported by Photonis, a brand of Exosens, which provides a crucial component of the camera: the high-time resolution position-sensitive MCP-PMT detector. Photonis has optimized the MCP-PMT which allows for the best properties for LINCam performance by providing high quantum efficiency and low dark rate photocathodes in a broad spectral range and also by implementing high linearity and high gain MCPs to increase the dynamic operational range. As a result of Exosens and Photonscore's close technical collaboration, the state-of-the-art high-time resolution single-photon camera LINCam becomes the optimal solution for widefield microscopy and other highly demanding applications.

"At Photonscore we are excited to start a productive partnership with Exosens. Their knowledge and experience in the field of photon detection gave us a big leap in the quality and capability of our system. In particular, the outstanding technology of Hi-QE photocathodes and high-performance MCPs enables us to bring LINCam to the applications where we did not dare enter into before." - Yury Prokazov, CEO, Photonscore GmbH

ABOUT PHOTONSCORE:

Photonscore GmbH specializes in simplifying single photon counting for its customers. The company's primary product, the LINCam, is a single photon counting camera with a 100% fill-factor and minimal noise. The company is serving leading universities and research institutes across the world, reflecting the broad applicability of its technologies. Photonscore's contributions to the field have been recognized with several awards. These include the 1st Prize in the Hugo-Junkers-Award 2017 for innovative applied research and nomination as a finalist in the German Innovation Award 2019. Photonscore is committed to advancing photon counting technology, striving to make it more accessible and effective for a wide range of applications.

ABOUT PHOTONIS:

Photonis is a leading brand of Exosens, a high-tech company with more than 85 years of experience in the innovation, development, manufacture, and sale of high-end electro-optical technologies used in the detection of ions, electrons, and photons. The Photonis brand portfolio offers photo-detection and low-light conditions imaging solutions for extremely demanding markets such as Defense & Security, Nuclear Safety, Life Science, and Industrial & Non-Destructive testing. Photonis is internationally recognized as a leading brand and a major innovator in its fields with production and R&D sites in Europe and North America.

For more information: exosens.com

Contact: scientificdetectors@exosens.com

Contact Information

Sales Manager
scientificdetectors@exosens.com
+31 50 501 8808

SOURCE: Photonis

.

View the original press release on newswire.com.

Matmerize, Inc. และ CJ Biomaterials ร่วมมือกันใช้เทคโนโลยี AI ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อพัฒนาโซลูชันพอลิเมอร์ที่ยั่งยืน

แอตแลนตา, April 09, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — Matmerize, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทสารสนเทศพอลิเมอร์ที่ใช้ AI ผู้บุกเบิก และ CJ Biomaterials ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ CJ CheilJedang ในเกาหลีใต้ และเป็นผู้ผลิตพอลิเมอร์ชีวภาพพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอต (Polyhydroxyalkanoate หรือ PHA) หลัก ได้ผนึกกำลังเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมในโซลูชั่นพอลิเมอร์ที่ยั่งยืนโดยมีเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับมลพิษจากพลาสติก ในการร่วมมือกับ Matmerize เมื่อเร็ว ๆ นี้ CJ Biomaterials ประสบความสำเร็จในการทดสอบ PolymRize™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI บนคลาวด์ของ Matmerize เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพอลิเมอร์ชีวภาพ และเพื่อให้มั่นใจว่าประสิทธิภาพจะตรงตามคุณสมบัติเฉพาะในการใช้งานที่หลากหลาย

วิถีชีวิตของมนุษย์และพลาสติกนั้นไม่สามารถแยกออกจากกันได้ แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธผลเสียของขยะพลาสติกที่มีต่อสิ่งแวดล้อมนั้นได้เช่นกัน ในแต่ละปีมีขยะพลาสติกที่มนุษย์สร้างขึ้นมากกว่าเก้าล้านตันลงสู่มหาสมุทร จึงต้องมีความเร่งด่วนในการค้นหาทางเลือกที่ยั่งยืนในระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายนี้ CJ Biomaterials ได้สร้าง PHACT ซึ่งเป็นพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอต (Polyhydroxyalkanoate หรือ PHA) ชีวภาพ 100% ที่ก้าวล้ำโดยใช้กระบวนการหมักที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะย่อยสลายตามธรรมชาติในสภาพแวดล้อมของดินและในมหาสมุทร ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่เป็นอันตรายจากมลภาวะของพลาสติกต่อระบบนิเวศทางทะเล

หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญในการพัฒนาวัสดุคือกระบวนการที่ใช้เวลานานและต้องใช้ทรัพยากรมากในการกำหนดลักษณะเฉพาะของคุณสมบัติหลัก ด้วยการใช้ประโยชน์จากการฝึกฝนโมเดลที่กำหนดเองของ Matmerize และแพลตฟอร์มการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ PolymRize™ ทำให้ CJ Biomaterials สามารถประเมินประสิทธิภาพของวัสดุที่ออกแบบใหม่ได้อย่างรวดเร็ว จึงช่วยให้สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้น รวมถึงลดเวลาและต้นทุนเมื่อเทียบกับวิธีการแบบดั้งเดิม

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมแพลตฟอร์ม PolymRize™ ได้ที่: https://www.matmerize.com/polymrize

Biodegradable Polymers PR

สามารถดูตัวอย่างข้อมูลสื่อที่มาพร้อมกับประกาศนี้ได้โดยคลิกที่ลิงก์นี้

“ความร่วมมือกับ CJ Biomaterials เป็นมากกว่าความพยายามด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานและการลดต้นทุนด้วยการจัดลำดับความสำคัญของการทดลองผ่านความเชี่ยวชาญและความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่องจักร ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับ CJ Biomaterials ในอุตสาหกรรมพอลิเมอร์และพลาสติกอีกด้วย” Dr. Chiho Kim ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Matmerize, Inc กล่าว

ในขณะที่ Matmerize, Inc และ CJ Biomaterials ยังคงผลักดันขอบเขตของนวัตกรรมในการพัฒนาพอลิเมอร์ บริษัทก็ยังคงทุ่มเทในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมเชิงบวก และสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและมีความยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไปด้วย

เกี่ยวกับ Matmerize:
Matmerize ซึ่งเพิ่งแยกตัวจากสถาบันเทคโนโลยี Georgia นั้น ได้อยู่ในแนวหน้าของโซลูชันบุกเบิกที่ช่วยเชื่อมช่องว่างระหว่าง AI และวิศวกรรมวัสดุ แพลตฟอร์ม PolymRizeTM ของ Matmerize ใช้การคัดกรองเสมือนจริงและอัลกอริธึม AI เพื่อระบุวัสดุที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งช่วยให้นักเทคโนโลยีสามารถมุ่งเน้นไปที่ความพยายามในการทดลองกับตัวเลือกที่มีแนวโน้มมากที่สุดได้ด้วยความแม่นยำและมีประสิทธิภาพ แนวทางนี้ช่วยเร่งกระบวนการทางวิศวกรรมวัสดุได้อย่างมาก ซึ่งช่วยในการประหยัดเวลาและทรัพยากรอันมีค่า PolymRize™ ได้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนลูกค้าให้ก้าวนำหน้าการแข่งขัน และขับเคลื่อนนวัตกรรมในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน

เกี่ยวกับ CJ Biomaterials:
CJ Biomaterials มีสำนักงานใหญ่ในเมืองโวเบิร์น รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยพัฒนาโซลูชันที่มีความหมายซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อโลก สุขภาพของมนุษย์ และความเป็นอยู่ที่ดี ด้วยการจัดการกับความท้าทายที่เกิดจากขยะพลาสติก บริษัทคิดค้นและผลิตพอลิเมอร์ชีวภาพและสารเคมีจากชีวภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ระยะยาวในการสร้างอนาคตที่มีความยั่งยืนมากขึ้น โดยการใช้โซลูชันหมุนเวียนที่แท้จริงซึ่งมาแทนที่พลาสติกและสารเคมีจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจำนวนมากที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ ไม่สามารถใช้ซ้ำได้ และไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ CJ Biomaterials เป็นผู้นำระดับโลกในการผลิตพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอต (Polyhydroxyalkanoate หรือ PHA) โดยผลิตทั้งพอลิเมอร์และสารเคมีพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง CJ Biomaterials ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจของ CJ BIO เป็นส่วนหนึ่งของ CJ CheilJedang บริษัทไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่มีวิสัยทัศน์ในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิตใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสุขภาพที่ดี ความสุข และความสะดวกสบาย

หากสื่อมวลชนต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อ:

Matmerize, Inc:
https://www.matmerize.com
ส่งอีเมลถึงเราได้ที่ info@matmerize.com
รับชมเราได้ทาง Matmerize Videos on YouTube
ติดตามเราได้ที่ Matmerize LinkedIn Page

CJ Biomaterials:
https://cjbiomaterials.com/
ส่งอีเมลถึงเราได้ที่ cj.biomaterials@cj.net
ติดตามเราได้ที่ CJBiomaterials LinkedIn Page

GlobeNewswire Distribution ID 9086610

Matmerize, Inc. และ CJ Biomaterials ร่วมมือกันใช้เทคโนโลยี AI ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อพัฒนาโซลูชันพอลิเมอร์ที่ยั่งยืน

แอตแลนตา, April 09, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — Matmerize, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทสารสนเทศพอลิเมอร์ที่ใช้ AI ผู้บุกเบิก และ CJ Biomaterials ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ CJ CheilJedang ในเกาหลีใต้ และเป็นผู้ผลิตพอลิเมอร์ชีวภาพพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอต (Polyhydroxyalkanoate หรือ PHA) หลัก ได้ผนึกกำลังเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมในโซลูชั่นพอลิเมอร์ที่ยั่งยืนโดยมีเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับมลพิษจากพลาสติก ในการร่วมมือกับ Matmerize เมื่อเร็ว ๆ นี้ CJ Biomaterials ประสบความสำเร็จในการทดสอบ PolymRize™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI บนคลาวด์ของ Matmerize เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพอลิเมอร์ชีวภาพ และเพื่อให้มั่นใจว่าประสิทธิภาพจะตรงตามคุณสมบัติเฉพาะในการใช้งานที่หลากหลาย

วิถีชีวิตของมนุษย์และพลาสติกนั้นไม่สามารถแยกออกจากกันได้ แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธผลเสียของขยะพลาสติกที่มีต่อสิ่งแวดล้อมนั้นได้เช่นกัน ในแต่ละปีมีขยะพลาสติกที่มนุษย์สร้างขึ้นมากกว่าเก้าล้านตันลงสู่มหาสมุทร จึงต้องมีความเร่งด่วนในการค้นหาทางเลือกที่ยั่งยืนในระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายนี้ CJ Biomaterials ได้สร้าง PHACT ซึ่งเป็นพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอต (Polyhydroxyalkanoate หรือ PHA) ชีวภาพ 100% ที่ก้าวล้ำโดยใช้กระบวนการหมักที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะย่อยสลายตามธรรมชาติในสภาพแวดล้อมของดินและในมหาสมุทร ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่เป็นอันตรายจากมลภาวะของพลาสติกต่อระบบนิเวศทางทะเล

หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญในการพัฒนาวัสดุคือกระบวนการที่ใช้เวลานานและต้องใช้ทรัพยากรมากในการกำหนดลักษณะเฉพาะของคุณสมบัติหลัก ด้วยการใช้ประโยชน์จากการฝึกฝนโมเดลที่กำหนดเองของ Matmerize และแพลตฟอร์มการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ PolymRize™ ทำให้ CJ Biomaterials สามารถประเมินประสิทธิภาพของวัสดุที่ออกแบบใหม่ได้อย่างรวดเร็ว จึงช่วยให้สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้น รวมถึงลดเวลาและต้นทุนเมื่อเทียบกับวิธีการแบบดั้งเดิม

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมแพลตฟอร์ม PolymRize™ ได้ที่: https://www.matmerize.com/polymrize

Biodegradable Polymers PR

สามารถดูตัวอย่างข้อมูลสื่อที่มาพร้อมกับประกาศนี้ได้โดยคลิกที่ลิงก์นี้

“ความร่วมมือกับ CJ Biomaterials เป็นมากกว่าความพยายามด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานและการลดต้นทุนด้วยการจัดลำดับความสำคัญของการทดลองผ่านความเชี่ยวชาญและความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่องจักร ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับ CJ Biomaterials ในอุตสาหกรรมพอลิเมอร์และพลาสติกอีกด้วย” Dr. Chiho Kim ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Matmerize, Inc กล่าว

ในขณะที่ Matmerize, Inc และ CJ Biomaterials ยังคงผลักดันขอบเขตของนวัตกรรมในการพัฒนาพอลิเมอร์ บริษัทก็ยังคงทุ่มเทในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมเชิงบวก และสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและมีความยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไปด้วย

เกี่ยวกับ Matmerize:
Matmerize ซึ่งเพิ่งแยกตัวจากสถาบันเทคโนโลยี Georgia นั้น ได้อยู่ในแนวหน้าของโซลูชันบุกเบิกที่ช่วยเชื่อมช่องว่างระหว่าง AI และวิศวกรรมวัสดุ แพลตฟอร์ม PolymRizeTM ของ Matmerize ใช้การคัดกรองเสมือนจริงและอัลกอริธึม AI เพื่อระบุวัสดุที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งช่วยให้นักเทคโนโลยีสามารถมุ่งเน้นไปที่ความพยายามในการทดลองกับตัวเลือกที่มีแนวโน้มมากที่สุดได้ด้วยความแม่นยำและมีประสิทธิภาพ แนวทางนี้ช่วยเร่งกระบวนการทางวิศวกรรมวัสดุได้อย่างมาก ซึ่งช่วยในการประหยัดเวลาและทรัพยากรอันมีค่า PolymRize™ ได้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนลูกค้าให้ก้าวนำหน้าการแข่งขัน และขับเคลื่อนนวัตกรรมในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน

เกี่ยวกับ CJ Biomaterials:
CJ Biomaterials มีสำนักงานใหญ่ในเมืองโวเบิร์น รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยพัฒนาโซลูชันที่มีความหมายซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อโลก สุขภาพของมนุษย์ และความเป็นอยู่ที่ดี ด้วยการจัดการกับความท้าทายที่เกิดจากขยะพลาสติก บริษัทคิดค้นและผลิตพอลิเมอร์ชีวภาพและสารเคมีจากชีวภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ระยะยาวในการสร้างอนาคตที่มีความยั่งยืนมากขึ้น โดยการใช้โซลูชันหมุนเวียนที่แท้จริงซึ่งมาแทนที่พลาสติกและสารเคมีจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจำนวนมากที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ ไม่สามารถใช้ซ้ำได้ และไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ CJ Biomaterials เป็นผู้นำระดับโลกในการผลิตพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอต (Polyhydroxyalkanoate หรือ PHA) โดยผลิตทั้งพอลิเมอร์และสารเคมีพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง CJ Biomaterials ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจของ CJ BIO เป็นส่วนหนึ่งของ CJ CheilJedang บริษัทไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่มีวิสัยทัศน์ในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิตใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสุขภาพที่ดี ความสุข และความสะดวกสบาย

หากสื่อมวลชนต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อ:

Matmerize, Inc:
https://www.matmerize.com
ส่งอีเมลถึงเราได้ที่ info@matmerize.com
รับชมเราได้ทาง Matmerize Videos on YouTube
ติดตามเราได้ที่ Matmerize LinkedIn Page

CJ Biomaterials:
https://cjbiomaterials.com/
ส่งอีเมลถึงเราได้ที่ cj.biomaterials@cj.net
ติดตามเราได้ที่ CJBiomaterials LinkedIn Page

GlobeNewswire Distribution ID 9086610

การศึกษาทั่วโลกของ ASICS แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงวัยรุ่นกับการมีสุขภาพจิตที่ดีในวัยผู้ใหญ่

ASICS State of Mind Study
Moving your body as a teenager will also move your mind as an adult
Moving your body as a teenager will also move your mind as an adult
  • การศึกษาทั่วโลกของ ASICS ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 26,000 คน ช่วยเน้นย้ำว่าการเคลื่อนไหวร่างกายมีความสัมพันธ์กับจิตใจ พร้อมค้นพบว่าการออกกำลังกายในช่วงวัยรุ่นมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับสุขภาพจิตในวัยผู้ใหญ่
  • ในแต่ละปีที่ออกกำลังกายมากขึ้นในช่วงวัยรุ่นมีส่วนช่วยให้คะแนนสภาวะจิตใจดีขึ้นในวัยผู้ใหญ่ โดยที่ช่วงอายุ 15-17 ปี เป็นช่วงที่ควรมีการออกกำลังกายเป็นประจำมากที่สุด
  • อย่างไรก็ตาม ประชากรรุ่นใหม่ต่างเลิกออกกำลังกายก่อนถึงช่วงอายุดังกล่าวและประชากรกลุ่มนี้ยังมีจำนวนมากขึ้น จึงอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ลอนดอน, April 09, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — วันนี้ ASICS แถลงผลการศึกษาเกี่ยวกับสภาวะจิตใจทั่วโลกครั้งที่สองของบริษัท ซึ่งช่วยเน้นย้ำว่าการออกกำลังกายมีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อสุขภาพจิต และค้นพบว่าการออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงวัยรุ่นส่งผลต่อการมีสุขภาพจิตที่ดีในวัยผู้ใหญ่

การศึกษาครั้งนี้ซึ่งมีผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 26,000 คนจาก 22 ประเทศพบว่ายิ่งออกกำลังมากเท่าใด ยิ่งทำให้คะแนนสภาวะจิตใจสูงขึ้นมากเท่านั้น1 ข้อมูลจากทั่วโลกชี้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจที่ออกกำลังกายเป็นประจำ2 มีคะแนนสภาวะจิตใจเฉลี่ยอยู่ที่ 67/100 ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย3 มีคะแนนสภาวะจิตใจที่น้อยกว่า โดยอยู่ที่ 54/100 เท่านั้น

นอกจากนี้ การศึกษาครั้งนี้ยังค้นพบว่าการออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงวัยรุ่นส่งผลกระทบโดยตรงต่อจิตใจของคุณเมื่อมีอายุมากขึ้น มีรายงานว่าผู้ที่ออกกำลังกายตลอดช่วงวัยรุ่นมีระดับการออกกำลังและคะแนนสภาวะจิตใจที่สูงกว่าเมื่ออยู่ในวัยผู้ใหญ่ ผลการศึกษาเหล่านี้บ่งชี้ว่าการออกกำลังอยู่เสมอในช่วงวัยรุ่นเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างนิสัยการออกกำลังกายที่ดี ซึ่งติดตัวไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ และส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพจิตในวัยผู้ใหญ่

อันที่จริงแล้ว การศึกษานี้สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าช่วงอายุ 15-17 ปี เป็นช่วงที่ควรมีการออกกำลังกายเป็นประจำมากที่สุด และการไม่ออกกำลังกายในช่วงอายุนี้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคุณอย่างมีนัยสำคัญในภายหลัง ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงอายุ 15-17 ปี พบว่ามีแนวโน้มมากกว่าที่จะยังคงออกกำลังกายเมื่อมีอายุมากขึ้น และมีรายงานว่ามีคะแนนสภาวะจิตใจในวัยผู้ใหญ่ที่สูงกว่าอีกกลุ่มที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงอายุนี้ (64/100 ต่อ 61/100)

เมื่อเทียบกันแล้ว ผู้ตอบแบบสำรวจที่หยุดออกกำลังกายก่อนอายุ 15 ปี มีระดับการทำกิจกรรมและคะแนนสภาวะจิตใจในวัยผู้ใหญ่ต่ำที่สุด 30% ของกลุ่มนี้ยังคงไม่ออกกำลังกายเมื่อเป็นผู้ใหญ่ และเมื่อเทียบกับกลุ่มที่สามารถออกกำลังกายได้ตลอดช่วงวัยรุ่นแล้วพบว่าผู้ตอบแบบสำรวจกลุ่มนี้มีสมาธิแย่กว่า 11%, มีความมั่นใจน้อยกว่า 10%, มีความสงบน้อยกว่า 10% และมีความใจเย็นน้อยกว่า 10%

อันที่จริงแล้ว ในแต่ละปีของการออกกำลังกายในช่วงวัยรุ่นมีส่วนช่วยให้คะแนนสภาวะจิตใจดีขึ้นในวัยผู้ใหญ่ ผู้ที่หยุดออกกำลังกายก่อนถึงอายุ 15 ปี มีคะแนนสภาวะจิตใจเฉลี่ยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ 15% ในขณะที่การหยุดออกกำลังในช่วงอายุ 16-17 ปี และช่วงก่อนอายุ 22 ปี ทำให้คะแนนสภาวะจิตใจเฉลี่ยต่ำลง 13% และ 6% ตามลำดับ

สิ่งที่น่าวิตกกังวลจากการศึกษานี้ก็คือการค้นพบช่องว่างระหว่างวัยของการออกกำลังกาย ซึ่งพบว่าประชากรยุคใหม่มีแนวโน้มที่จะออกกำลังกายน้อยลง ประชากรยุคเงียบ (อายุ 78 ปีขึ้นไป) มีจำนวน 57% ที่กล่าวว่าตนออกกำลังทุกวันในวัยเด็ก ในขณะที่มีเพียง 19% เท่านั้นในประชากรกลุ่มเจนซี (อายุ 18-27 ปี) ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงว่าประชากรยุคใหม่หยุดออกกำลังกายเร็วขึ้นและมีจำนวนมากขึ้นกว่ายุคก่อน ๆ

ข้อมูลทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า ประชากรในกลุ่มเจนซีมีคะแนนสภาวะจิตใจต่ำที่สุด โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 62/100 ในขณะที่ประชากรกลุ่มเบบี้บูมเมอร์มีคะแนน 68/100 และประชากรยุคเงียบมีคะแนน 70/100

ศาสตราจารย์ Brendon Stubbs หัวหน้านักวิจัยด้านการออกกำลังกายและสุขภาพจิตจาก King’s College London กล่าวว่า “การเห็นระดับการออกกำลังกายที่ลดลงในกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจอายุน้อยในช่วงอายุที่สำคัญเช่นนี้นั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการศึกษาค้นพบว่าการทำเช่นนี้สัมพันธ์กับการมีสุขภาพที่แย่ลงในวัยผู้ใหญ่”

ประชากรในกลุ่มเจนซี (Gen Z) ทั่วโลกได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีคะแนนสภาวะจิตใจต่ำที่สุด (62/100) เมื่อเทียบกับประชากรยุคเงียบซึ่งมีคะแนน (70/100) ดังนั้น สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสถานการณ์สุขภาพจิตทั่วโลกในอนาคต

Tomoko Koda ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ASICS กล่าวว่า “ASICS ก่อตั้งขึ้นจากความเชื่อว่ากีฬาและการออกกำลังกายไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อจิตใจด้วย นี่คือเหตุผลที่เรามีชื่อว่า ASICS ซึ่งย่อมาจาก “Anima Sana in Corpore Sano” หรือ ‘Sound Mind in a Sound Body’ หรือ “การมีจิตใจแจ่มใสในร่างกายที่สมบูรณ์” นั่นเอง ผลลัพธ์จากการศึกษาสภาวะจิตใจทั่วโลกครั้งที่สองของเราแสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายมีความสำคัญเพียงใดต่อคนยุคใหม่และส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างไรบ้างในอนาคต ที่ ASICS เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ผู้คนเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อให้มีสุขภาพจิตที่ดีตลอดชีวิต”

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
https://www.asics.com/us/en-us/mk/stateofmindstudy2024

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ

เกี่ยวกับการศึกษาด้านสภาวะจิตใจของ ASICS ปี 2024
การศึกษาด้านสภาวะจิตใจ ปี 2024 ดำเนินการระหว่าง 17 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม 2023 และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกายและสภาวะจิตใจทั่วโลก

มีผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 26,000 คน จาก 22 ตลาด ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา ชิลี จีน โคลอมเบีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ สเปน สวีเดน ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างจากแต่ละตลาดเป็นตัวแทนประชากรในประเทศนั้น ๆ ตามช่วงอายุและเพศ


1คะแนนสภาวะจิตใจของ ASICS มีคะแนนเต็มอยู่ที่ 100 ซึ่งคำนวณจากการหาค่าเฉลี่ยคะแนนของคุณสมบัติด้านความคิดและอารมณ์สิบประการ ได้แก่ มองโลกในแง่บวก พอใจ ผ่อนคลาย มีสมาธิ ใจเย็น ยืดหยุ่น มั่นใจ ตื่นตัว สงบ มีพลังงาน

2การออกกำลังกาย 150 นาทีขึ้นไปต่อสัปดาห์ (ตามคำนิยามของ Sport England)

3การออกกำลังกายน้อยกว่า 30 นาทีต่อสัปดาห์ (ตามคำนิยามของ Sport England)


Anima Sana In Corpore Sano หมายถึง “A Sound Mind in a Sound Body” หรือ “การมีจิตใจแจ่มใสในร่างกายที่สมบูรณ์” เป็นวลีภาษาละตินที่ ASICS นำมาใช้ และเป็นจุดยืนพื้นฐานที่แบรนด์ยังคงยึดมั่น บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อกว่า 60 ปีก่อนโดย Kihachiro Onitsuka และปัจจุบันได้กลายเป็นผู้ออกแบบและผู้ผลิตรองเท้าวิ่งชั้นนำ ตลอดจนรองเท้ากีฬา เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.asics.com

การออกแบบ Stripe ที่ด้านข้างของรองเท้า ASICS® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ ASICS Corporation

สามารถดูภาพถ่ายที่ใช้ประกอบการประกาศนี้ได้ที่ http://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/25d28040-7b04-44cb-a421-97418e91c297

ติดต่อด้านสื่อ:
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอสัมภาษณ์ โปรดติดต่อ asics.somi@golin.com

GlobeNewswire Distribution ID 1000933726

การศึกษาทั่วโลกของ ASICS แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงวัยรุ่นกับการมีสุขภาพจิตที่ดีในวัยผู้ใหญ่

ASICS State of Mind Study
Moving your body as a teenager will also move your mind as an adult
Moving your body as a teenager will also move your mind as an adult
  • การศึกษาทั่วโลกของ ASICS ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 26,000 คน ช่วยเน้นย้ำว่าการเคลื่อนไหวร่างกายมีความสัมพันธ์กับจิตใจ พร้อมค้นพบว่าการออกกำลังกายในช่วงวัยรุ่นมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับสุขภาพจิตในวัยผู้ใหญ่
  • ในแต่ละปีที่ออกกำลังกายมากขึ้นในช่วงวัยรุ่นมีส่วนช่วยให้คะแนนสภาวะจิตใจดีขึ้นในวัยผู้ใหญ่ โดยที่ช่วงอายุ 15-17 ปี เป็นช่วงที่ควรมีการออกกำลังกายเป็นประจำมากที่สุด
  • อย่างไรก็ตาม ประชากรรุ่นใหม่ต่างเลิกออกกำลังกายก่อนถึงช่วงอายุดังกล่าวและประชากรกลุ่มนี้ยังมีจำนวนมากขึ้น จึงอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ลอนดอน, April 09, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — วันนี้ ASICS แถลงผลการศึกษาเกี่ยวกับสภาวะจิตใจทั่วโลกครั้งที่สองของบริษัท ซึ่งช่วยเน้นย้ำว่าการออกกำลังกายมีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อสุขภาพจิต และค้นพบว่าการออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงวัยรุ่นส่งผลต่อการมีสุขภาพจิตที่ดีในวัยผู้ใหญ่

การศึกษาครั้งนี้ซึ่งมีผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 26,000 คนจาก 22 ประเทศพบว่ายิ่งออกกำลังมากเท่าใด ยิ่งทำให้คะแนนสภาวะจิตใจสูงขึ้นมากเท่านั้น1 ข้อมูลจากทั่วโลกชี้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจที่ออกกำลังกายเป็นประจำ2 มีคะแนนสภาวะจิตใจเฉลี่ยอยู่ที่ 67/100 ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย3 มีคะแนนสภาวะจิตใจที่น้อยกว่า โดยอยู่ที่ 54/100 เท่านั้น

นอกจากนี้ การศึกษาครั้งนี้ยังค้นพบว่าการออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงวัยรุ่นส่งผลกระทบโดยตรงต่อจิตใจของคุณเมื่อมีอายุมากขึ้น มีรายงานว่าผู้ที่ออกกำลังกายตลอดช่วงวัยรุ่นมีระดับการออกกำลังและคะแนนสภาวะจิตใจที่สูงกว่าเมื่ออยู่ในวัยผู้ใหญ่ ผลการศึกษาเหล่านี้บ่งชี้ว่าการออกกำลังอยู่เสมอในช่วงวัยรุ่นเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างนิสัยการออกกำลังกายที่ดี ซึ่งติดตัวไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ และส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพจิตในวัยผู้ใหญ่

อันที่จริงแล้ว การศึกษานี้สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าช่วงอายุ 15-17 ปี เป็นช่วงที่ควรมีการออกกำลังกายเป็นประจำมากที่สุด และการไม่ออกกำลังกายในช่วงอายุนี้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคุณอย่างมีนัยสำคัญในภายหลัง ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงอายุ 15-17 ปี พบว่ามีแนวโน้มมากกว่าที่จะยังคงออกกำลังกายเมื่อมีอายุมากขึ้น และมีรายงานว่ามีคะแนนสภาวะจิตใจในวัยผู้ใหญ่ที่สูงกว่าอีกกลุ่มที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงอายุนี้ (64/100 ต่อ 61/100)

เมื่อเทียบกันแล้ว ผู้ตอบแบบสำรวจที่หยุดออกกำลังกายก่อนอายุ 15 ปี มีระดับการทำกิจกรรมและคะแนนสภาวะจิตใจในวัยผู้ใหญ่ต่ำที่สุด 30% ของกลุ่มนี้ยังคงไม่ออกกำลังกายเมื่อเป็นผู้ใหญ่ และเมื่อเทียบกับกลุ่มที่สามารถออกกำลังกายได้ตลอดช่วงวัยรุ่นแล้วพบว่าผู้ตอบแบบสำรวจกลุ่มนี้มีสมาธิแย่กว่า 11%, มีความมั่นใจน้อยกว่า 10%, มีความสงบน้อยกว่า 10% และมีความใจเย็นน้อยกว่า 10%

อันที่จริงแล้ว ในแต่ละปีของการออกกำลังกายในช่วงวัยรุ่นมีส่วนช่วยให้คะแนนสภาวะจิตใจดีขึ้นในวัยผู้ใหญ่ ผู้ที่หยุดออกกำลังกายก่อนถึงอายุ 15 ปี มีคะแนนสภาวะจิตใจเฉลี่ยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ 15% ในขณะที่การหยุดออกกำลังในช่วงอายุ 16-17 ปี และช่วงก่อนอายุ 22 ปี ทำให้คะแนนสภาวะจิตใจเฉลี่ยต่ำลง 13% และ 6% ตามลำดับ

สิ่งที่น่าวิตกกังวลจากการศึกษานี้ก็คือการค้นพบช่องว่างระหว่างวัยของการออกกำลังกาย ซึ่งพบว่าประชากรยุคใหม่มีแนวโน้มที่จะออกกำลังกายน้อยลง ประชากรยุคเงียบ (อายุ 78 ปีขึ้นไป) มีจำนวน 57% ที่กล่าวว่าตนออกกำลังทุกวันในวัยเด็ก ในขณะที่มีเพียง 19% เท่านั้นในประชากรกลุ่มเจนซี (อายุ 18-27 ปี) ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงว่าประชากรยุคใหม่หยุดออกกำลังกายเร็วขึ้นและมีจำนวนมากขึ้นกว่ายุคก่อน ๆ

ข้อมูลทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า ประชากรในกลุ่มเจนซีมีคะแนนสภาวะจิตใจต่ำที่สุด โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 62/100 ในขณะที่ประชากรกลุ่มเบบี้บูมเมอร์มีคะแนน 68/100 และประชากรยุคเงียบมีคะแนน 70/100

ศาสตราจารย์ Brendon Stubbs หัวหน้านักวิจัยด้านการออกกำลังกายและสุขภาพจิตจาก King’s College London กล่าวว่า “การเห็นระดับการออกกำลังกายที่ลดลงในกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจอายุน้อยในช่วงอายุที่สำคัญเช่นนี้นั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการศึกษาค้นพบว่าการทำเช่นนี้สัมพันธ์กับการมีสุขภาพที่แย่ลงในวัยผู้ใหญ่”

ประชากรในกลุ่มเจนซี (Gen Z) ทั่วโลกได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีคะแนนสภาวะจิตใจต่ำที่สุด (62/100) เมื่อเทียบกับประชากรยุคเงียบซึ่งมีคะแนน (70/100) ดังนั้น สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสถานการณ์สุขภาพจิตทั่วโลกในอนาคต

Tomoko Koda ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ASICS กล่าวว่า “ASICS ก่อตั้งขึ้นจากความเชื่อว่ากีฬาและการออกกำลังกายไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อจิตใจด้วย นี่คือเหตุผลที่เรามีชื่อว่า ASICS ซึ่งย่อมาจาก “Anima Sana in Corpore Sano” หรือ ‘Sound Mind in a Sound Body’ หรือ “การมีจิตใจแจ่มใสในร่างกายที่สมบูรณ์” นั่นเอง ผลลัพธ์จากการศึกษาสภาวะจิตใจทั่วโลกครั้งที่สองของเราแสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายมีความสำคัญเพียงใดต่อคนยุคใหม่และส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างไรบ้างในอนาคต ที่ ASICS เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ผู้คนเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อให้มีสุขภาพจิตที่ดีตลอดชีวิต”

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
https://www.asics.com/us/en-us/mk/stateofmindstudy2024

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ

เกี่ยวกับการศึกษาด้านสภาวะจิตใจของ ASICS ปี 2024
การศึกษาด้านสภาวะจิตใจ ปี 2024 ดำเนินการระหว่าง 17 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม 2023 และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกายและสภาวะจิตใจทั่วโลก

มีผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 26,000 คน จาก 22 ตลาด ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา ชิลี จีน โคลอมเบีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ สเปน สวีเดน ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างจากแต่ละตลาดเป็นตัวแทนประชากรในประเทศนั้น ๆ ตามช่วงอายุและเพศ


1คะแนนสภาวะจิตใจของ ASICS มีคะแนนเต็มอยู่ที่ 100 ซึ่งคำนวณจากการหาค่าเฉลี่ยคะแนนของคุณสมบัติด้านความคิดและอารมณ์สิบประการ ได้แก่ มองโลกในแง่บวก พอใจ ผ่อนคลาย มีสมาธิ ใจเย็น ยืดหยุ่น มั่นใจ ตื่นตัว สงบ มีพลังงาน

2การออกกำลังกาย 150 นาทีขึ้นไปต่อสัปดาห์ (ตามคำนิยามของ Sport England)

3การออกกำลังกายน้อยกว่า 30 นาทีต่อสัปดาห์ (ตามคำนิยามของ Sport England)


Anima Sana In Corpore Sano หมายถึง “A Sound Mind in a Sound Body” หรือ “การมีจิตใจแจ่มใสในร่างกายที่สมบูรณ์” เป็นวลีภาษาละตินที่ ASICS นำมาใช้ และเป็นจุดยืนพื้นฐานที่แบรนด์ยังคงยึดมั่น บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อกว่า 60 ปีก่อนโดย Kihachiro Onitsuka และปัจจุบันได้กลายเป็นผู้ออกแบบและผู้ผลิตรองเท้าวิ่งชั้นนำ ตลอดจนรองเท้ากีฬา เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.asics.com

การออกแบบ Stripe ที่ด้านข้างของรองเท้า ASICS® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ ASICS Corporation

สามารถดูภาพถ่ายที่ใช้ประกอบการประกาศนี้ได้ที่ http://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/25d28040-7b04-44cb-a421-97418e91c297

ติดต่อด้านสื่อ:
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอสัมภาษณ์ โปรดติดต่อ asics.somi@golin.com

GlobeNewswire Distribution ID 1000933726

การศึกษาทั่วโลกของ ASICS แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงวัยรุ่นกับการมีสุขภาพจิตที่ดีในวัยผู้ใหญ่

ASICS State of Mind Study
Moving your body as a teenager will also move your mind as an adult
Moving your body as a teenager will also move your mind as an adult
  • การศึกษาทั่วโลกของ ASICS ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 26,000 คน ช่วยเน้นย้ำว่าการเคลื่อนไหวร่างกายมีความสัมพันธ์กับจิตใจ พร้อมค้นพบว่าการออกกำลังกายในช่วงวัยรุ่นมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับสุขภาพจิตในวัยผู้ใหญ่
  • ในแต่ละปีที่ออกกำลังกายมากขึ้นในช่วงวัยรุ่นมีส่วนช่วยให้คะแนนสภาวะจิตใจดีขึ้นในวัยผู้ใหญ่ โดยที่ช่วงอายุ 15-17 ปี เป็นช่วงที่ควรมีการออกกำลังกายเป็นประจำมากที่สุด
  • อย่างไรก็ตาม ประชากรรุ่นใหม่ต่างเลิกออกกำลังกายก่อนถึงช่วงอายุดังกล่าวและประชากรกลุ่มนี้ยังมีจำนวนมากขึ้น จึงอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ลอนดอน, April 09, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — วันนี้ ASICS แถลงผลการศึกษาเกี่ยวกับสภาวะจิตใจทั่วโลกครั้งที่สองของบริษัท ซึ่งช่วยเน้นย้ำว่าการออกกำลังกายมีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อสุขภาพจิต และค้นพบว่าการออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงวัยรุ่นส่งผลต่อการมีสุขภาพจิตที่ดีในวัยผู้ใหญ่

การศึกษาครั้งนี้ซึ่งมีผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 26,000 คนจาก 22 ประเทศพบว่ายิ่งออกกำลังมากเท่าใด ยิ่งทำให้คะแนนสภาวะจิตใจสูงขึ้นมากเท่านั้น1 ข้อมูลจากทั่วโลกชี้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจที่ออกกำลังกายเป็นประจำ2 มีคะแนนสภาวะจิตใจเฉลี่ยอยู่ที่ 67/100 ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย3 มีคะแนนสภาวะจิตใจที่น้อยกว่า โดยอยู่ที่ 54/100 เท่านั้น

นอกจากนี้ การศึกษาครั้งนี้ยังค้นพบว่าการออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงวัยรุ่นส่งผลกระทบโดยตรงต่อจิตใจของคุณเมื่อมีอายุมากขึ้น มีรายงานว่าผู้ที่ออกกำลังกายตลอดช่วงวัยรุ่นมีระดับการออกกำลังและคะแนนสภาวะจิตใจที่สูงกว่าเมื่ออยู่ในวัยผู้ใหญ่ ผลการศึกษาเหล่านี้บ่งชี้ว่าการออกกำลังอยู่เสมอในช่วงวัยรุ่นเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างนิสัยการออกกำลังกายที่ดี ซึ่งติดตัวไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ และส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพจิตในวัยผู้ใหญ่

อันที่จริงแล้ว การศึกษานี้สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าช่วงอายุ 15-17 ปี เป็นช่วงที่ควรมีการออกกำลังกายเป็นประจำมากที่สุด และการไม่ออกกำลังกายในช่วงอายุนี้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคุณอย่างมีนัยสำคัญในภายหลัง ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงอายุ 15-17 ปี พบว่ามีแนวโน้มมากกว่าที่จะยังคงออกกำลังกายเมื่อมีอายุมากขึ้น และมีรายงานว่ามีคะแนนสภาวะจิตใจในวัยผู้ใหญ่ที่สูงกว่าอีกกลุ่มที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงอายุนี้ (64/100 ต่อ 61/100)

เมื่อเทียบกันแล้ว ผู้ตอบแบบสำรวจที่หยุดออกกำลังกายก่อนอายุ 15 ปี มีระดับการทำกิจกรรมและคะแนนสภาวะจิตใจในวัยผู้ใหญ่ต่ำที่สุด 30% ของกลุ่มนี้ยังคงไม่ออกกำลังกายเมื่อเป็นผู้ใหญ่ และเมื่อเทียบกับกลุ่มที่สามารถออกกำลังกายได้ตลอดช่วงวัยรุ่นแล้วพบว่าผู้ตอบแบบสำรวจกลุ่มนี้มีสมาธิแย่กว่า 11%, มีความมั่นใจน้อยกว่า 10%, มีความสงบน้อยกว่า 10% และมีความใจเย็นน้อยกว่า 10%

อันที่จริงแล้ว ในแต่ละปีของการออกกำลังกายในช่วงวัยรุ่นมีส่วนช่วยให้คะแนนสภาวะจิตใจดีขึ้นในวัยผู้ใหญ่ ผู้ที่หยุดออกกำลังกายก่อนถึงอายุ 15 ปี มีคะแนนสภาวะจิตใจเฉลี่ยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ 15% ในขณะที่การหยุดออกกำลังในช่วงอายุ 16-17 ปี และช่วงก่อนอายุ 22 ปี ทำให้คะแนนสภาวะจิตใจเฉลี่ยต่ำลง 13% และ 6% ตามลำดับ

สิ่งที่น่าวิตกกังวลจากการศึกษานี้ก็คือการค้นพบช่องว่างระหว่างวัยของการออกกำลังกาย ซึ่งพบว่าประชากรยุคใหม่มีแนวโน้มที่จะออกกำลังกายน้อยลง ประชากรยุคเงียบ (อายุ 78 ปีขึ้นไป) มีจำนวน 57% ที่กล่าวว่าตนออกกำลังทุกวันในวัยเด็ก ในขณะที่มีเพียง 19% เท่านั้นในประชากรกลุ่มเจนซี (อายุ 18-27 ปี) ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงว่าประชากรยุคใหม่หยุดออกกำลังกายเร็วขึ้นและมีจำนวนมากขึ้นกว่ายุคก่อน ๆ

ข้อมูลทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า ประชากรในกลุ่มเจนซีมีคะแนนสภาวะจิตใจต่ำที่สุด โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 62/100 ในขณะที่ประชากรกลุ่มเบบี้บูมเมอร์มีคะแนน 68/100 และประชากรยุคเงียบมีคะแนน 70/100

ศาสตราจารย์ Brendon Stubbs หัวหน้านักวิจัยด้านการออกกำลังกายและสุขภาพจิตจาก King’s College London กล่าวว่า “การเห็นระดับการออกกำลังกายที่ลดลงในกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจอายุน้อยในช่วงอายุที่สำคัญเช่นนี้นั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการศึกษาค้นพบว่าการทำเช่นนี้สัมพันธ์กับการมีสุขภาพที่แย่ลงในวัยผู้ใหญ่”

ประชากรในกลุ่มเจนซี (Gen Z) ทั่วโลกได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีคะแนนสภาวะจิตใจต่ำที่สุด (62/100) เมื่อเทียบกับประชากรยุคเงียบซึ่งมีคะแนน (70/100) ดังนั้น สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสถานการณ์สุขภาพจิตทั่วโลกในอนาคต

Tomoko Koda ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ASICS กล่าวว่า “ASICS ก่อตั้งขึ้นจากความเชื่อว่ากีฬาและการออกกำลังกายไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อจิตใจด้วย นี่คือเหตุผลที่เรามีชื่อว่า ASICS ซึ่งย่อมาจาก “Anima Sana in Corpore Sano” หรือ ‘Sound Mind in a Sound Body’ หรือ “การมีจิตใจแจ่มใสในร่างกายที่สมบูรณ์” นั่นเอง ผลลัพธ์จากการศึกษาสภาวะจิตใจทั่วโลกครั้งที่สองของเราแสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายมีความสำคัญเพียงใดต่อคนยุคใหม่และส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างไรบ้างในอนาคต ที่ ASICS เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ผู้คนเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อให้มีสุขภาพจิตที่ดีตลอดชีวิต”

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
https://www.asics.com/us/en-us/mk/stateofmindstudy2024

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ

เกี่ยวกับการศึกษาด้านสภาวะจิตใจของ ASICS ปี 2024
การศึกษาด้านสภาวะจิตใจ ปี 2024 ดำเนินการระหว่าง 17 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม 2023 และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกายและสภาวะจิตใจทั่วโลก

มีผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 26,000 คน จาก 22 ตลาด ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา ชิลี จีน โคลอมเบีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ สเปน สวีเดน ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างจากแต่ละตลาดเป็นตัวแทนประชากรในประเทศนั้น ๆ ตามช่วงอายุและเพศ


1คะแนนสภาวะจิตใจของ ASICS มีคะแนนเต็มอยู่ที่ 100 ซึ่งคำนวณจากการหาค่าเฉลี่ยคะแนนของคุณสมบัติด้านความคิดและอารมณ์สิบประการ ได้แก่ มองโลกในแง่บวก พอใจ ผ่อนคลาย มีสมาธิ ใจเย็น ยืดหยุ่น มั่นใจ ตื่นตัว สงบ มีพลังงาน

2การออกกำลังกาย 150 นาทีขึ้นไปต่อสัปดาห์ (ตามคำนิยามของ Sport England)

3การออกกำลังกายน้อยกว่า 30 นาทีต่อสัปดาห์ (ตามคำนิยามของ Sport England)


Anima Sana In Corpore Sano หมายถึง “A Sound Mind in a Sound Body” หรือ “การมีจิตใจแจ่มใสในร่างกายที่สมบูรณ์” เป็นวลีภาษาละตินที่ ASICS นำมาใช้ และเป็นจุดยืนพื้นฐานที่แบรนด์ยังคงยึดมั่น บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อกว่า 60 ปีก่อนโดย Kihachiro Onitsuka และปัจจุบันได้กลายเป็นผู้ออกแบบและผู้ผลิตรองเท้าวิ่งชั้นนำ ตลอดจนรองเท้ากีฬา เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.asics.com

การออกแบบ Stripe ที่ด้านข้างของรองเท้า ASICS® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ ASICS Corporation

สามารถดูภาพถ่ายที่ใช้ประกอบการประกาศนี้ได้ที่ http://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/25d28040-7b04-44cb-a421-97418e91c297

ติดต่อด้านสื่อ:
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอสัมภาษณ์ โปรดติดต่อ asics.somi@golin.com

GlobeNewswire Distribution ID 1000933726

eXp Realty แต่งตั้ง Leo Pareja เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมในยุคถัดไป

Glenn Sanford ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งจะยังคงเป็นประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ eXp World Holdings เพื่อขับเคลื่อนผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัท

เบลลิงแฮม วอชิงตัน, April 06, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — eXp Realty® “นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นตัวแทนให้เป็นศูนย์กลางมากที่สุดในโลก™” และบริษัทในเครือหลักของ eXp World Holdings, Inc. (Nasdaq: EXPI) ได้ประกาศแต่งตั้ง Leo Pareja เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนใหม่ โดยมีผลทันที เขาเข้ามารับตำแหน่งต่อจาก Glenn Sanford ซึ่งขณะนี้จะทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่ให้กับตำแหน่งของเขาในฐานะผู้ก่อตั้ง ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ eXp World Holdings

ก่อนหน้านี้ Pareja ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ โดยมีบทบาทสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับจุดยืนของ eXp Realty ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการแข่งขันสูง ความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และผลงานที่โดดเด่นของเขาได้เพิ่มคุณค่าที่บริษัทนำเสนอต่อตัวแทนอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ความสำเร็จในการเปิดตัวโครงการริเริ่มเชิงกลยุทธ์เช่น eXp Exclusives– Revenos และการปรับปรุงที่สำคัญของ eXp Solutions

“ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เป็นนวัตกรรมและได้รับการยอมรับของคุณ Leo ได้ยกระดับคุณค่าที่นำเสนอต่อตัวแทนของเราด้วยการปรับรูปแบบของการแนะนำและการสร้างลูกค้าเป้าหมาย” Sanford กล่าว “ประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเชิงลึกของเขาและอิทธิพลที่มีต่อชุมชนของเรานั้นลึกซึ้ง และผมเชื่อว่าภายใต้การดูแลของคุณ Leo eXp Realty จะเสริมสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและมอบคุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ให้กับตัวแทนของเรา ซึ่งจะตอกย้ำตำแหน่งของเราในฐานะผู้นำที่ก้าวล้ำในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์”

การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ eXp Realty ได้รับการยกย่องในอันดับต้น ๆ ในห้าหมวดหมู่ในรายงาน RealTrends 500 ที่องค์กรใด ๆ ต่างก็ปรารถนา ซึ่งได้แก่: ฝั่งการซื้อและขายของการทำธุรกรรม การเคลื่อนตัวสูงสุดในระยะเวลา 5 ปี (ฝั่งการซื้อและขาย) การเคลื่อนตัวสูงสุดในระยะเวลา 5 ปี (ปริมาณ) นายหน้าที่ดีที่สุด และการเป็นอิสระต่อภาครัฐ นอกจากนี้ บริษัทยังขยับขึ้นสู่อันดับที่ 3 ใน 2 ประเภท ได้แก่: ปริมาณและคลับของมหาเศรษฐี บริษัทยังคงพิสูจน์โมเดลของตนอย่างต่อเนื่องในขณะที่ได้รับส่วนแบ่งการตลาด ในระหว่างที่ต้อนรับตัวแทนที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม

“ในขณะที่เราก้าวเข้าสู่บทใหม่ที่ eXp Realty ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นผู้นำบริษัทที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความสำเร็จของตัวแทน โดยให้ประเด็นดังกล่าวอยู่แถวหน้าของภารกิจมาโดยตลอด” Pareja กล่าว “ด้วยการร่วมมือกันนี้ เราจะไม่เพียงแต่กำหนดนิยามใหม่ให้กับภูมิทัศน์ด้านอสังหาริมทรัพย์ผ่านเทคโนโลยีและการสนับสนุนตัวแทนที่ไม่มีใครเทียบได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้สมาชิกทุกคนในชุมชนของเราบรรลุศักยภาพสูงสุดของพวกเขาด้วย”

หลังจากร่วมงานกับ eXp Realty ในปี 2022 Pareja จะนำประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นเวลากว่าสองทศวรรษมาสู่องค์กร โดยเขาได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงการได้รับการยอมรับในรายงาน The Thousand ของ RealTrends ซึ่งติดอันดับรายชื่อ 250 อันดับแรกของ National Association of Hispanic Real Estate Professionals (NAHREP) และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในตัวแทนที่โดดเด่น 30 คนซึ่งมีอายุน้อยกว่า 30 ปีโดยนิตยสารRealtor® จิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการของเขาเห็นได้จากการร่วมก่อตั้งบริษัทให้กู้ยืมเอกชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งบนชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้จำหน่ายเทคโนโลยี MLS ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทสำคัญใน National Association of Hispanic Real Estate Professionals โดยทำหน้าที่เป็นประธานผู้ก่อตั้งของ Metro D.C. Chapter และต่อมาดำรงตำแหน่งเป็นประธานระดับนานาชาติ

เกี่ยวกับ eXp World Holdings, Inc.
eXp World Holdings, Inc. (Nasdaq: EXPI) เป็นบริษัทผู้ถือหุ้นของ eXp Realty®, Virbela® และ SUCCESS® Enterprises eXp Realty เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีตัวแทนมากกว่า 85,000 รายในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อินเดีย เม็กซิโก โปรตุเกส แอฟริกาใต้ เปอร์โตริโก บราซิล อิตาลี ฮ่องกง โคลอมเบีย สเปน อิสราเอล ปานามา เยอรมนี สาธารณรัฐโดมินิกัน กรีซ นิวซีแลนด์ ชิลี โปแลนด์ และดูไบ และยังคงขยายตัวต่อไปในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่ eXp World Holdings เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงได้มอบโอกาสที่ไม่เหมือนใครให้กับมืออาชีพด้านอสังหาริมทรัพย์ในการได้รับรางวัลในรูปแบบหุ้นของบริษัทสำหรับผู้ที่บรรลุเป้าหมายด้านการผลิตและการสนับสนุนให้กับการเติบโตของบริษัทโดยรวม นอกจากนี้ eXp World Holdings และธุรกิจต่าง ๆ ในเครือยังได้นำเสนอโซลูชันด้านเทคโนโลยีด้านนายหน้าและอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร รวมถึงรูปแบบนายหน้าที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ บริการระดับมืออาชีพ เครื่องมือในการทำงานร่วมกัน และการพัฒนาส่วนบุคคล แพลตฟอร์มนายหน้าบนคลาวด์นั้นขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี Virbela และ Frame ซึ่งนำเสนอแพลตฟอร์ม 3D ที่สมจริงซึ่งมีความเป็นสังคมและมีการทำงานร่วมกันได้อย่างลึกซึ้ง จึงทำให้ตัวแทนสามารถเชื่อมต่อถึงกันและมีประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้น SUCCESS® Enterprises ซึ่งสนับสนุนโดยนิตยสาร SUCCESS® และทรัพย์สินด้านสื่อที่เกี่ยวข้อง ก่อตั้งขึ้นในปี 1897 และเป็นแบรนด์และสิ่งพิมพ์ด้านการพัฒนาบุคคลและวิชาชีพชั้นนำ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม https://expworldholdings.com

ติดต่อสื่อมวลชนสัมพันธ์:
eXp World Holdings, Inc.
mediarelations@expworldholdings.com

ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์:
Denise Garcia
investors@expworldholdings.com

สามารถดูรูปภาพประกอบประกาศนี้ได้ที่ https://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/c0430659-d8bc-480b-8eeb-02408802c697

GlobeNewswire Distribution ID 9085604

Zero Terrain ซึ่งเป็นโครงการกักเก็บพลังงานน้ำระบบสูบกลับแห่งแรกของเอสโตเนีย ร่วมมือกับรัฐบาลเอสโตเนียและได้รับเงินสนับสนุนจำนวน 1.9 ล้านยูโร

ทาลลินน์, เอสโตเนีย, April 06, 2024 (GLOBE NEWSWIRE) — กระทรวงสภาพภูมิอากาศของเอสโตเนียลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ร่วมกับบริษัทพลังงาน Zero Terrain เพื่อช่วยให้เอสโตเนียบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2030 ด้วยความร่วมมือนี้ Zero Terrain กำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิดเพื่อคิดค้นโซลูชันที่ช่วยให้โครงการกักเก็บพลังงานน้ำระบบสูบกลับ (PHS) ในเอสโตเนียนั้นสามารถดำเนินการได้จริง ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนด้านการกำกับดูแลเงินทุนและการจัดการความท้าทายของตลาดด้วย

นอกจากนี้ Zero Terrain ยังได้รับเงินสนับสนุน 1.98 ล้านยูโรจากโครงการวิจัยประยุกต์ของภาครัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการ Zero Terrain ในเอสโตเนียและการส่งออกเทคโนโลยี

โรงกักเก็บพลังงานใต้ดินระยะยาว Zero Terrain ประจำเมืองปาลดิสกี้ที่มีกำลังไฟฟ้า 500MW คือความก้าวหน้าที่สำคัญของเทคโนโลยี PHS แบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถก่อสร้างได้ทุกที่แม้แต่บนพื้นราบ

Zero Terrain ประจำเมืองปาลดิสกี้ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่น่าจดจำในระบบพลังงานของประเทศ โรงกักเก็บพลังงานน้ำระบบสูบกลับประจำเมืองปาลดิสกี้เป็นโครงการเพื่อผลประโยชน์ร่วมของสหภาพยุโรป (โครงการ PCI) ซึ่งเป็นโครงการกักเก็บพลังงานน้ำระบบสูบกลับที่สร้างขึ้นใหม่โดยไม่มีข้อจำกัดแห่งเดียวในภูมิภาคบอลติกตอนเหนือ อีกทั้งยังเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย

“การลงนามใน MoU ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการเดินทางไปสู่อนาคตของพลังงานที่สะอาดและปลอดภัยของ Zero Terrain เราเชื่อว่าหากปราศจากการกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ในระยะยาว ก็คงไม่มีระบบพลังงานที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานหมุนเวียน การทำงานร่วมกันนี้แสดงถึงความร่วมมือและความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในภูมิทัศน์ด้านพลังงานหมุนเวียนของเอสโตเนีย” กล่าวโดย Peep Siitam ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Zero Terrain

Zero Terrain ประจำเมืองปาลดิสกี้ซึ่งเป็นโครงการกักเก็บพลังงานระยะยาวแห่งแรกของเอสโตเนีย ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างอาคารหลักในเดือนธันวาคม 2022 การก่อสร้างโรงกักเก็บพลังงานน้ำระบบสูบกลับแห่งแรกของประเทศจะเริ่มต้นในปี 2025 ระหว่างรอบการทำงานปกติที่ 12 ชั่วโมง Zero Terrain ประจำเมืองปาลดิสกี้จะสร้างพลังงานไฟฟ้าให้กับโครงข่ายไฟฟ้าได้ 6GWh ซึ่งมากกว่าการใช้พลังงานโดยเฉลี่ยต่อวันของชาวเอสโตเนียทุกครัวเรือน

นอกจากนี้ Zero Terrain ยังได้รับเงินสนับสนุน 1.98 ล้านยูโรจากโครงการวิจัยประยุกต์ของภาครัฐ ตามคำบอกเล่าของ Siitam เราจะนำเงินสนับสนุนนี้ไปใช้ในการพัฒนาการออกแบบ Zero Terrain โดยแบ่งระบบต่าง ๆ ออกเป็นส่วนย่อย การเริ่มต้นกิจกรรมการพัฒนาในประเทศอื่น ๆ และการมีส่วนร่วมกับนักลงทุนรายใหม่ใน Zero Terrain ประจำเมืองปาลดิสกี้ ประเทศเอสโตเนีย

Arbo Reino ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานประจำสำนักงานธุรกิจและนวัตกรรมของเอสโตเนียกล่าวว่า “Zero Terrain กำลังพัฒนาเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยให้เอสโตเนียและประเทศอื่น ๆ สามารถเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนได้ในวงกว้างมากขึ้น ด้วยความก้าวหน้าที่สำคัญของเทคโนโลยี PHS แบบดั้งเดิม”

“ความต้องการความจุในการกักเก็บพลังงานระยะยาว (LDES) ทั่วโลกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ทั่วโลกต้องการ LDES ที่มีความจุ 85–120 TWh-ชั่วโมงภายในปี 2040 (McKinsey, 2021) ดังนั้นความสนใจในเทคโนโลยีและโครงการของเราจึงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่ไม่สามารถนำ PHS แบบดั้งเดิมมาใช้งานได้เนื่องจากข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์” อธิบายโดย Siitam

AS Alexela บริษัทพลังงานในเอสโตเนีย, Sunly AS บริษัทพลังงานหมุนเวียนในบอลติก-โปแลนด์, Vool OÜ, Combiwood Grupp OÜ, Warmeston OÜ และ Ronnivara OÜ เป็นเจ้าของ Zero Terrain ร่วมกัน

สำหรับการสอบถามข้อมูลสื่อและข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: Hedwig.Meidra@zeroterrain.com

ดูภาพประกอบของประกาศฉบับนี้ได้ที่ https://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/2cbd052e-529e-4878-b248-52bed8e1134f

GlobeNewswire Distribution ID 1000933342